เมืองมุยเน่ ประเทศเวียดนาม

ดินแดนกว้างใหญ่ ทะเลทรายสีขาวอมแดงที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา เป็นอะไรที่ unseen มากครับ

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกคน

ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสใช้มือถือ Huawei Mate 20 Pro ไปเที่ยวถ่ายรูปที่เมืองมุยเน่ ประเทศเวียดนามครับ บรรยากาศมันก็จะเป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ ติดทะเลใกล้หมู่บ้านชาวประมง มีอาหารทะเลอร่อยๆ สดๆ ให้กินเยอะแยะ ได้เอาไปใช้ถ่ายรูปจริงจังตลอด 6 วันที่ผ่านมา ลองมาดูตัวเครื่องกันก่อนครับ

++ ตัวเครื่อง ++

ฝาหลัง = เป็นกระจกสวยงาม ดูหรูหรา สะท้อนแสง และไล่สีสันเหลือบเงา เพราะเป็นกระบวนการผลิตแบบ Hyper Optical Pattern

จับถือ = ค่อนข้างถนัดมือ เข้ารูปด้วยความโค้งของตัวเครื่อง ทำให้โอบจับได้สะดวก เครื่องหนา 8.6 มม. ถือว่าไม่หนาไปครับ

น้ำหนัก = 189 กรัม ค่อนข้างหนักเลย ถือนานๆ อาจจะเมื่อยมือได้ และงานประกอบด้วยมาตรฐาน IP68 กันน้ำ กันฝุ่น ใช้ลุยได้สบาย

++ กล้อง ++

ใส่มาให้ถึง 3 เลนส์เลยคือ

กล้องหลัก 40 MP, f/1.8, ระยะ 27mm (wide), เซนเซอร์ใหญ่ 1/1.7″, PDAF/Laser AF

เลนส์วายมุมกว้าง 20 MP, f/2.2, ระยะ 16mm (ultrawide), เซนเซอร์ใหญ่ 1/2.7″, PDAF/Laser AF

เลนส์เทเลซูมระยะไกล 8 MP, f/2.4, ระยะ 80mm (telephoto), เซนเซอร์ใหญ่ 1/4″, 3x optical zoom, 5x digital zoom, กันสั่น OIS, PDAF/Laser AF

เราได้รู้ถึงสเปคกล้องแล้ว ลองไปดูภาพที่ได้กันครับ ว่าผลเป็นอย่างไร

ก่อนวันเดินทางไปมุยเน่ ผมได้พักที่ดาลัดก่อน บ้านเมืองเค้าก็สวย เป็นตึกรูปทรงต่างๆ และบ้านอยู่อาศัยแทรกกันอย่างลงตัว ต้นไม้เยอะดูร่มรื่นอย่างที่เห็น พอเรามีหลายเลนส์ ก็ถ่ายได้หลายมุมมอง

เติมพลังก่อนขึ้นรถ เป็นบุฟเฟ่ของโรงแรม ที่ต้องทำกินเองครับ ง่ายๆ สำหรับมื้อเช้าวันนี้ ตัว AI มันก็รู้ว่าเรากำลังถ่ายอาหารอยู่ สังเกตว่ามันปรับสีให้ดูสด น่ากินมากขึ้น

ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ระหว่างทางก็แวะพักตามจุดต่างๆ น้ำที่นี่ขุ่นมาก สีกาแฟสุดๆ และแล้วก็ได้เห็นร้ายขายขนมถุงของเวียดนาม ลองแล้วรสชาติแปลก แต่อร่อยดีนะ

ถึงที่พักที่มุยเน่แล้ว ต้นไม้เยอะดี แถมมีสระว่ายน้ำอีก สบายละ เล่นน้ำกันฟินๆ ผมพักอยู่ชั้น 3 ระเบียบก็สามารถเห็นวิวระยะใกล้ ไว้ถ่ายรูปเล่นได้ เสร็จก็รีบเช็คอิน เก็บของ และไปเที่ยวกันต่อดีกว่า

ที่แรกหลังจากเดินทางมานาน ก็ไปถึงหมู่บ้านชาวประมง ไฮไลท์ของที่นี่คือนั่งกะละมังอันใหญ่ๆ กลมๆ ออกนอกฝั่ง ลอยเล่นไปในทะเลครับ และก็มีอาหารทะเลสดๆ ยังดิ้นๆ อยู่ขายกันที่ริมชายหาดเลย

ถึงตอนเย็นที่เราจะพลาดไม่ได้นั้นก็คือ หาร้านอาหารทะเลอร่อยๆ กินกัน รสชาติอร่อยถูกปากคนไทยเลย ราคาไม่แพงอย่างที่คิด เพราะที่นี่ค่าครองชีพพอๆ กับบ้านเรา ใช้จ่ายสะดวก กินอิ่ม หลับสบายแน่คืนนี้

เช้าวันต่อมา ทางไกด์ทัวร์ของที่พักเค้านัดเราตอนตี 4 ครึ่ง เพื่อที่จะเดินทางมายัง White Sand Dune มาดูพระอาทิตย์ขึ้นวิวทะเลทรายครับ โชคดีที่ฟ้าเปิด และสวยมาก บรรยากาศดีสุดๆ แสงน้อยแบบนี้ ใช้โหมดถ่ายกลางคืนช่วยได้ครับ ถือกล้างค้างไว้ 4 วินาทีให้กล้องมาถ่ายมาหลายๆ รูปเก็บแสงให้ได้มากที่สุด และมือถือมันจะมารวมเป็นภาพเดียวสวยๆ ชัดๆ ให้เลย

พอพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แสงก็สาดส่องมายังเนินทะเลทราย ทำให้ดูมีมิติสวยขึ้นทันตาเลยครับ แถมมีสีท้องฟ้าสีฟ้า และริ้วก้อนเมฆตัดกับสีเหลืองทะเลทรายนี้ดูเข้ากันเลย ขับรถไปอีกหน่อยจะมีแหล่งน้ำทะเลสาบตรงกลางเป็นโอเอซิสด้วยครับ และแล้วก็ลองเซลฟี่ตัวเองสักหน่อย หน้าเนียนเป็นธรรมชาติดีเลย ดูไม่หลอกเกินไป ฮ่าๆ

เสร็จเราก็ขับรถเดินทางมายังที่ Red Sand Dune กันต่อ ที่นี่สีทะเลทรายจะดูเข้มเกือบจะเป็นสีแดงส้มเหมือนชื่อเลย ถ่ายรูปมาก็สวยไม่แพ้กัน แต่บริเวณที่นี่จะเล็กกว่า คนยังน้อยอยู่ เราก็ถ่ายรูปเล่นกันสบายใจ

ที่สุดท้าย พวกผมมาเที่ยวที่ แฟรี่สตรีม ถือว่าเป็นแกรนด์แคนยอนแห่งเวียตนามใต้ก็ว่าได้ครับ เป็นลำธารเล็กๆ ตื้นแค่ข้อเท้าที่ให้เราเดินเท้าเปล่าลุยได้ ข้างในก็มีที่ให้ได้ถ่ายรูปชิคๆ ดูเป็นธรรมชาติดีครับ

++ สรุป ++

+ โฟกัสเร็วมาก แม้ในที่แสงน้อย

+ มีหลายเลนส์หลายระยะทำให้ถ่ายสนุก ได้ภาพมุมมองใหม่ๆ เหมือนกล้องโปร

+ ซูมดิจิตอล 5x ใช้งานได้จริง คมชัด เก็บรายละเอียดดี

+ โหมดถ่ายภาพกลางคืนโกงสุดๆ ได้ภาพสว่าง สวยใส ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง

+ ถ่ายไฟล์ raw ได้ เซนเซอร์รับภาพใหญ่กว่ามือถือยี่ห้ออื่น ทำให้เก็บรายละเอียดได้ดีมาก

– ภาพบางครั้งคมด้วย Software มากเกินไป

– AI บางครั้งฉลาดเกิน ถ่ายบุคคลบางทีไม่อยากให้หลังละลาย มันก็เปลี่ยนโหมดละลายให้เฉยเลย

*รูปในกระทู้ผ่านการ Process แต่งโทนสีของภาพด้วยโปรแกรม Lightroom เล็กน้อย